การรักษาอาการ ปวดหัว ที่ P.S. Center

หากคุณมีอาการปวดหัวเรื้อรัง… อย่าชะล่าใจ เพราะอาจเป็นมากกว่าความเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ

หลายคนอาจเคยมีอาการปวดหัวเป็นครั้งคราว แต่หากคุณมีอาการปวดหัวถี่ขึ้น หรือปวดเรื้อรัง อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป เพราะอาจเป็น “สัญญาณเตือน” ของปัญหาที่เกี่ยวกับระบบประสาท กล้ามเนื้อ หรือแม้แต่โครงสร้างของกระดูกคอและศีรษะ

สาเหตุหลักของอาการปวดหัวและไมเกรน

  1. ความเครียด และภาวะกล้ามเนื้อตึงตัว
    การทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ หรือภาวะเครียดสะสม อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ คอ บ่า ไหล่ตึงตัว เกิดแรงกดต่อเส้นประสาท จนทำให้ปวดหัวได้

  2. ไมเกรน (Migraine)
    ไมเกรนคืออาการปวดหัวแบบเฉียบพลัน มักปวดข้างเดียว มีอาการคลื่นไส้ แพ้แสงและเสียงร่วมด้วย พบมากในผู้หญิง และอาจสัมพันธ์กับฮอร์โมน เช่น ช่วงมีประจำเดือน

  3. ปวดหัวจากความผิดปกติของกระดูกคอ (Cervicogenic Headache)

  4. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
    การนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ การนอนผิดท่า หรือท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกหลักสรีรศาสตร์ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวเรื้อรังได้


อาการปวดหัวแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?

วิธีการรักษาอาการปวดหัวและไมเกรนที่ P.S. Center

ที่เราดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางร่วมกับนักกายภาพบำบัด เพื่อการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทั้ง ต้นเหตุและปลายเหตุ ของอาการปวดหัวและไมเกรน

อาการปวดหัวเรื้อรัง หรือไมเกรน ไม่ใช่แค่อาการทั่วไปที่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การทำงาน และอารมณ์แล้ว ยังอาจสะท้อนถึงความผิดปกติในระดับ “โครงสร้าง – ระบบประสาท – กล้ามเนื้อ” ที่ซับซ้อนและต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี

ที่ P.S. Center เราใช้แนวทางการรักษาโดยความร่วมมือระหว่างทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับปวด และทีมนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของอาการปวดให้ตรงจุด ครอบคลุมทุกมิติ และออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลในแต่ละราย

ขั้นตอนการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง

โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาอาการปวดหัวและไมเกรน
เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุดมากที่สุด ที่ P.S. Center เราให้ความสำคัญกับ “การวินิจฉัย” ในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด โดยทีมแพทย์เฉพาะทางจะดูแลคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยกระบวนการดังนี้

1. ซักประวัติอาการอย่างละเอียด (โดยแพทย์ทุกเคส)

แพทย์จะสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น
– ลักษณะของอาการปวด
– ระยะเวลาและความถี่
– สิ่งกระตุ้นหรือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง
– อาการร่วมอื่น ๆ เช่น แสง เสียง หรือการเคลื่อนไหว เป็นต้น
*ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์เข้าใจภาพรวมของปัญหา และเริ่มต้นวางแผนการวินิจฉัยที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

2. ตรวจร่างกายเฉพาะทาง

ขั้นตอนต่อมาคือการตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
– ประเมินการเคลื่อนไหวของคอและไหล่
– ตรวจหาจุดกดเจ็บ บ่า คอ ไหล่
– ทดสอบระบบประสาทสมองและการทรงตัว
*หากจำเป็น อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น MRI เพื่อดูความผิดปกติของโครงสร้าง

3. วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

เมื่อประเมินอาการครบถ้วนแล้ว แพทย์จะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกัน เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงกับสาเหตุของอาการมากที่สุด โดยเน้นการรักษาแบบบูรณาการร่วมกับทีมนักกายภาพบำบัด เพื่อให้ได้ผลทั้งการควบคุมอาการเฉียบพลัน และฟื้นฟูโครงสร้างในระยะยาว


แนวทางการรักษาอาการปวดหัวและไมเกรน ที่ครอบคลุมทั้ง “ต้นเหตุและปลายเหตุ”

แพทย์จะวินิจฉัยและออกแบบการรักษาให้เหมาะกับระดับความรุนแรงของอาการ เช่น
1. Anti‑CGRP Injections for Migraine
เป็นการใช้ยับยั้ง CGRP (calcitonin gene‑related peptide) ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญในการเกิดไมเกรน -ลด ความถี่และความรุนแรง ของการปวดหัวได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วยกดวงจรอาการซ้ำซ้อน (headache cycle)

2.Botox Injection for Migraine
-ใช้ Botulinum toxin A ฉีดในจุดกล้ามเนื้อรอบศีรษะ คอ และบ่า เพื่อบล็อกสัญญาณประสาทที่กระตุ้นไมเกรน
-เหมาะกับผู้ที่มี chronic migraine (ปวด ≥ 15 วัน/เดือน และ ≥ 8 วันเป็นไมเกรน) ซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
-การทำครั้งละประมาณ 15–20 นาที โดยสามารถลดวันปวดหัวลงได้ถึงประมาณ 50%

*ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละวิธีตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย บางรายอาจไม่จำเป็นต้องฉีดยาหรือทำหัตถการทันที

3.การฟื้นฟูโดยนักกายภาพบำบัด

ดูบทความอื่น