การรักษาอาการ ปวดเข่า ที่ P.S. Center

หากคุณมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง… อย่าชะล่าใจ เพราะอาจเป็นมากกว่าการใช้งานหนักเกินไป!

หลายคนอาจเคยมีอาการปวดเข่าจากการเดิน วิ่ง หรือยกของหนัก แต่หากคุณเริ่มมีอาการปวดเข่าถี่ขึ้น ปวดเข่าเรื้อรัง หรือรู้สึกเข่าฝืด บวม มีเสียงดังในข้อ หรือรู้สึกล้าเมื่อต้องยืนหรือขึ้น–ลงบันได อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป เพราะอาจเป็น “สัญญาณเตือน” ของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อ กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อรอบเข่า หรือแม้แต่แนวโครงสร้างของร่างกายที่ไม่สมดุล

สาเหตุหลักของอาการปวดเข่า

  1. การใช้งานเข่าหนักเกินไป หรือท่าทางไม่เหมาะสม
    การยืน เดิน วิ่ง หรือยกของหนักเป็นเวลานาน โดยไม่พัก หรือใช้งานเข่าซ้ำ ๆ ในท่าทางเดิม อาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบเข่าถูกใช้งานเกินขีดจำกัด นำไปสู่อาการปวด อักเสบ หรือเข่าล้า
  2. ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
    พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมาก หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป เกิดจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าสึกหรอ ทำให้เกิดการเสียดสีของข้อ ส่งผลให้ปวด เข่าบวม หรือฝืดตึงตอนเช้า
  3. เอ็นหรือหมอนรองเข่าฉีกขาด (Ligament or Meniscus Injury)
    มักเกิดจากการบาดเจ็บ เช่น การหกล้ม บิดเข่า หรือเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว อาจทำให้รู้สึกปวดทันที เดินลำบาก หรือมีเสียงดังในข้อเข่า
  4. โครงสร้างร่างกายไม่สมดุล
    การเดินผิดท่า ข้อเท้าหรือสะโพกไม่สมดุล การใส่รองเท้าไม่เหมาะสม หรือแนวกระดูกสันหลังผิดปกติ ล้วนสามารถส่งผลต่อการลงน้ำหนักที่หัวเข่าและทำให้เกิดอาการปวดสะสมได้ในระยะยาว


อาการปวดเข่าแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?

-ปวดเข่าเรื้อรังนานเกิน โดยไม่ดีขึ้นแม้พักหรือใช้ยาทา/ยาแก้ปวด
-ปวดเข่าร่วมกับอาการอื่น เช่น เข่าบวม แดง ร้อน
-ปวดเข่าเฉียบพลันหลังจากหกล้ม บิดเข่า หรือได้รับแรงกระแทก
-ปวดเข่าเมื่อขึ้น–ลงบันได หรือนั่งยอง ๆ แล้วรู้สึกไม่มั่นคงหรือเข่าทรุด
-มีอาการฝืดตึงช่วงเช้า หรือเข่าติดจนลุกนั่งไม่สะดวก
-ปวดเข่าจนรบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน


วิธีการรักษาอาการปวดเข่าที่ P.S. Center

ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางร่วมกับนักกายภาพบำบัด เพื่อการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทั้ง “ต้นเหตุและปลายเหตุ” ของอาการปวดเข่า

อาการปวดเข่า ไม่ใช่แค่ผลจากการใช้งานหนักหรืออายุมากขึ้น เพราะหากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง อาจพัฒนาเป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น ข้อเข่าเสื่อม เส้นเอ็นอักเสบ หมอนรองข้อเข่าฉีก หรือความผิดปกติของกล้ามเนื้อรอบเข่าที่ส่งผลต่อการเดินและเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน

ที่ P.S. Center เราใช้แนวทางการรักษาแบบผสมผสาน โดยความร่วมมือระหว่าง ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการระงับปวด และ ทีมนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของอาการให้ตรงจุด ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งข้อเข่า กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง พร้อมออกแบบ แผนการรักษาเฉพาะบุคคล ที่ตอบโจทย์อาการและพฤติกรรมการใช้งานของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้กลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ขั้นตอนการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาอาการปวดเข่า
เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุดมากที่สุด ที่ P.S. Center เราให้ความสำคัญกับ “การวินิจฉัย” ในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด โดยทีมแพทย์เฉพาะทางจะดูแลคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยกระบวนการดังนี้

1. ซักประวัติอาการอย่างละเอียด (โดยแพทย์ทุกเคส)

แพทย์จะสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น
– ลักษณะของอาการปวด
– ระยะเวลาและความถี่
– สิ่งกระตุ้นหรือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง
– อาการร่วมอื่น ๆ เช่น ข้อบวม ร้อน แดง เข่าฝืดตอนเช้า หรือเสียงดัง “กร๊อบแกร๊บ” เวลาขยับ  เป็นต้น
*ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์เข้าใจภาพรวมของปัญหา และเริ่มต้นวางแผนการวินิจฉัยที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

2. ตรวจร่างกายเฉพาะทาง

ขั้นตอนต่อมาคือการตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
– ตรวจคลำรอบข้อเข่าเพื่อตรวจหาจุดกดเจ็บ บวม หรือการสะสมน้ำในข้อ
– ประเมินการเคลื่อนไหวของข้อเข่าทั้งงอและเหยียด ว่ามีข้อจำกัดหรืออาการเจ็บขณะเคลื่อนไหวหรือไม่
–ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น กล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และหลังขา (Hamstring)

-ตรวจเสถียรภาพของเอ็นรอบเข่า เช่น เอ็นไขว้หน้า (ACL), เอ็นด้านใน–นอกของข้อเข่า

ประเมินความเกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น การร้าวลงขา หรืออาการชา–อ่อนแรง

*หากจำเป็น อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น, X-ray   เพื่อตรวจหาความเสียหายของกระดูก กระดูกอ่อน หมอนรองข้อ หรือเส้นเอ็นอย่างชัดเจน

3. วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

เมื่อประเมินอาการครบถ้วนแล้ว แพทย์จะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกัน เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงกับสาเหตุของอาการมากที่สุด โดยเน้นการรักษาแบบบูรณาการร่วมกับทีมนักกายภาพบำบัด เพื่อให้ได้ผลทั้งการควบคุมอาการเฉียบพลัน และฟื้นฟูโครงสร้างในระยะยาว


แนวทางการรักษาอาการปวดเข่า ที่ครอบคลุมทั้ง “ต้นเหตุและปลายเหตุ”

มุ่งควบคุมอาการปวดและการอักเสบโดยไม่ต้องผ่าตัด
1.ฉีดยาลดการอักเสบ

– เหมาะสำหรับผู้

2.PRP (Platelet-Rich Plasma)
– ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากร่างกายเพื่อฟื้นฟู
– เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดจากภาวะข้อเข่าเสื่อม
3.RFA (Radiofrequency Ablation)

– เทคนิคใช้คลื่นวิทยุเพื่อหยุดการส่งสัญญาณปวดจากเส้นประสาทที่ข้อเข่า

– เหมาะกับผู้ข้อเข่าเสื่อมที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป และยังไม่การผ่าตัด

*ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละวิธีตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย บางรายอาจไม่จำเป็นต้องฉีดยาหรือทำหัตถการทันที

4.การฟื้นฟูโดยนักกายภาพบำบัด

ที่ P.S. Center เราเชื่อว่าการรักษาอาการปวดเข่าไม่ใช่แค่ลดอาการปวดชั่วคราว แต่ต้องเข้าใจถึง “ต้นเหตุที่แท้จริง” ของอาการ

นักกายภาพบำบัดของเราจะทำการประเมินอย่างละเอียดทั้งด้านกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ระบบประสาท รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อ:

  • วิเคราะห์สาเหตุเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่สมดุล ข้อเสื่อม เส้นเอ็นอักเสบ หรือท่าทางที่ผิด
  • ออกแบบแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล (Individualized Rehab Program) ที่ตอบโจทย์ทั้งอาการและการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
  • แนะนำการปรับพฤติกรรมที่ช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น ท่าทางในการเดิน–ยืน การลดแรงกระแทกขณะออกกำลังกาย หรือการเลือกกิจกรรมที่ปลอดภัยกับข้อเข่า

วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัด

  1. อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy)
    ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงกระตุ้นความร้อนลึกในเนื้อเยื่อรอบข้อเข่า
  • ลดอาการตึงและอักเสบของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น เช่น เอ็นสะบ้า หมอนรองเข่า
  • กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวเร็วขึ้น
  1. การกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation)
    ส่งกระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อรอบเข่าเพื่อคลายความตึง บรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบ
  • ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการใช้งานผิดหรือพักใช้งานนาน
  • ใช้ร่วมกับโปรแกรมฝึกกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  1. การอัลตราซาวด์ร่วมกับการกระตุ้นไฟฟ้า (Combined Ultrasound & Electrical Stimulation)
    ผสานคลื่นเสียงและกระแสไฟฟ้าเพื่อลดอาการปวดเรื้อรัง ลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนเลือดในกล้ามเนื้อ รวมถึงการกระตุ้นและคลายความตึงของกล้ามเนื้อจากการเคลื่อนไหวผิดท่าหรือกล้ามเนื้อไม่สมดุล
  2. การรักษาด้วยมือ (Manual Therapy)
    เทคนิคที่ใช้มือในการขยับหรือคลายกล้ามเนื้อ–ข้อต่อ เพื่อบรรเทาอาการปวด เพิ่มการเคลื่อนไหว และฟื้นฟูสมดุลข้อเข่าอย่างตรงจุด เหมาะกับผู้ที่มีเข่าฝืด ขยับยาก ปวดเรื้อรัง หรือฟื้นตัวหลังบาดเจ็บ
  • การขยับข้อต่อ (Joint Mobilization) : ช่วยคลายข้อเข่าที่ฝืดหรือติดขัด เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และกระตุ้นการไหลเวียนในข้อ
  • การกดจุดคลายกล้ามเนื้อ (Trigger Point Release) : กดจุดตึงในกล้ามเนื้อ ช่วยลดปวดเฉพาะจุด คลายกล้ามเนื้อที่ตึงเรื้อรังจากการใช้งานหนัก
  • การคลายพังผืด (Myofascial Release) : นวดคลายเนื้อเยื่อพังผืดที่ยึดรั้งข้อเข่า

การรักษาด้วยมือช่วยเตรียมข้อเข่าให้พร้อมก่อนเริ่มการฝึกกล้ามเนื้อ และช่วยลดอาการปวดเฉพาะจุดได้ดีมาก

  1. การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching Exercise)
    ยืดกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าที่ตึงค้าง คืนความยืดหยุ่น และลดแรงดึงบนข้อเข่า การยืดที่ถูกต้องและต่อเนื่องจะลดความเสี่ยงเข่าปวดซ้ำในอนาคต
  2. โปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Individual Exercise Program)
    ออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคลเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างข้อเข่าอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยลดอาการปวดและป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • เสริมความแข็งแรง (Strengthen): เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ช่วยรองรับน้ำหนักและลดแรงกระแทก
  • เพิ่มความมั่นคง (Stability): พัฒนาการควบคุมข้อเข่า ลดบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวผิด
  • ปรับสมดุลกล้ามเนื้อ (Balance): ปรับสมดุลกล้ามเนื้อ เพื่อให้ข้อเข่าทำงานได้อย่างเหมาะสม
  • ฝึกการทำงานของข้อเข่า (Function): ฝึกการทรงตัว การเคลื่อนไหว และความยืดหยุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานข้อเข่าในชีวิตประจำวัน

  1. การรักษาด้วยความร้อนหรือความเย็น (Thermal Therapy)
    ใช้การประคบอุณหภูมิอย่างเหมาะสมกับระยะอาการ เพื่อช่วยลดการอักเสบหรือกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • ความเย็น (Cold Therapy): เหมาะกับอาการปวด บวม แดง ร้อน หรืออักเสบเฉียบพลัน เช่น หลังออกกำลังกายหนัก หรือล้มแล้วข้อเข่าบวม
  • ความร้อน (Heat Therapy): เหมาะกับอาการตึงเรื้อรัง กล้ามเนื้อแข็ง ข้อเข่าฝืดในตอนเช้า หรือมีพังผืด

จุดเด่นของการรักษาที่ P.S. Center

  • วินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างละเอียด
    ครอบคลุมตั้งแต่ข้อเข่า กล้ามเนื้อรอบข้อสะโพก จนถึงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (core muscles) รวมถึงวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลต่อข้อเข่า เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการคุณ
  • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ไม่ใช่สูตรสำเร็จ
    ทุกแผนถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสาเหตุและอาการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเอ็นอักเสบ หมอนรองเข่าผิดปกติ หรือกล้ามเนื้อล้าสะสม พร้อมปรับสมดุลโครงสร้างกล้ามเนื้อเพื่อฟื้นฟูข้อเข่าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและปลอดภัย
    เครื่องมือระดับสูง เช่น PRP (Platelet-Rich Plasma), RFA (Radiofrequency Ablation), Ultrasound Therapy และ IV Infusion Therapy ที่ช่วยลดอาการอักเสบ คลายกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวดได้ตรงจุด ลดความจำเป็นใช้ยาแก้ปวดระยะยาวหรือผ่าตัด

ทีมกายภาพบำบัดเฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด
เน้นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและสะโพก พร้อมปรับสมดุลระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทอย่างองค์รวม เพื่อให้คุณกลับมาเดิน วิ่ง และเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ พร้อมลดโอกาสบาดเจ็บซ้ำในระยะยาว

ดูบทความอื่น