อาการปวดเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดสะโพก หรือปวดข้อ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การรักษาแบบเดิม เช่น การใช้ยา กายภาพบำบัด หรือการฉีดยาอาจช่วยได้แต่ไม่เต็มที่ สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง RFA (Radiofrequency Ablation) หรือ การจี้เส้นประสาทด้วยคลื่นวิทยุ เป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัย ช่วยลดปวดได้ตรงจุด
หลักการทำงานของ RFA
RFA คืออะไร?
RFA เป็นวิธีการรักษาอาการปวดเรื้อรังโดยใช้ คลื่นวิทยุความถี่สูง สร้างความร้อนประมาณ 60–80°C ไปที่ ปลายเส้นประสาทที่นำสัญญาณปวดไปยังสมอง
- คลื่นวิทยุสร้างความร้อนไปทำลายปลายเส้นประสาท
- เส้นประสาทที่ถูกจี้จะไม่สามารถส่งสัญญาณปวดได้
- ส่งผลให้อาการปวดลดลงอย่างชัดเจน และสามารถคงผลได้นานหลายเดือน
ข้อดีของ RFA
- ลดอาการปวดตรงจุด (Targeted Pain Relief)
- ลดการพึ่งพายาแก้ปวด
- เป็นวิธีไม่ผ่าตัดและปลอดภัย
- สามารถทำซ้ำได้หากอาการปวดกลับมา
วิธีการรักษา RFA
- การประเมินอาการและวินิจฉัย
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย รวมถึงขอผล X-ray หรือ MRI
เพื่อตรวจหาตำแหน่งเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับอาการปวด - การเตรียมตัวก่อนทำ RFA
- งดอาหารหรือยาบางชนิดตามคำแนะนำแพทย์
- หากมีการทานวิตามินใดๆ ขอให้หยุดทานทุกชนิดก่อนทำหัตถการ 7 วัน
- ขั้นตอนการจี้เส้นประสาท
คุณอาจเลือกได้รับการฉีดยานอนหลับจากวิสัญญีแพทย์เพื่อความสบายในระหว่างการรักษา
แพทย์ฉีดยาชาบริเวณที่ทำหัตถการ
- แพทย์จะใช้เครื่อง X-ray เพื่อนำทางไปยังตำแหน่งที่ต้องทำการรักษา
- แพทย์ใช้เข็มขนาดเล็กนำเข้าสู่ตำแหน่งเส้นประสาท
- ใช้ คลื่นความถี่วิทยุที่หล่อเย็น จี้เส้นประสาทเพื่อทำลายเส้นประสาทไม่สามารถส่งสัญญาณปวดได้
- ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ขึ้นกับตำแหน่งและจำนวนเส้นประสาท
- หลังการรักษา
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากหรือออกกำลังกายหนักในช่วง 2 วันแรก
- อาจมีอาการระบมเล็กน้อยบริเวณที่ทำประมาณ 1–2 วัน
- อาการปวดมักดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
อาการปวดที่สามารถรักษาด้วย RFA
RFA (Radiofrequency Ablation) หรือ การจี้เส้นประสาทด้วยคลื่นวิทยุ เหมาะสำหรับผู้ที่มี อาการปวดเรื้อรังและเฉพาะจุดโดยเฉพาะในบริเวณต่อไปนี้:
1. ปวดคอเรื้อรัง ปวดบ่า ปวดสะบัก
- เกิดจาก ข้อกระดูกสันหลังคอ (Cervical Facet Joint) หรือกล้ามเนื้อรอบคอและบ่า
- อาการมักเป็นเรื้อรัง ปวดเป็นจุดหรือร้าวไปบริเวณบ่า สะบัก และบางครั้งอาจปวดศีรษะด้านหลัง
- RFA สามารถจี้เส้นประสาทที่นำสัญญาณปวดออกจากข้อกระดูกสันหลังคอและกล้ามเนื้อ ทำให้อาการปวดลดลงและกลับมาขยับคอและไหล่ได้สะดวกขึ้น
2. ปวดหลังส่วนล่าง
- เกิดจาก ข้อกระดูกสันหลังเอว (Lumbar Facet Joint) หรือ ข้อ Sacroiliac Joint (SI Joint)
- อาการปวดมักเป็นแบบเรื้อรัง ปวดตึงหลังด้านล่าง บางครั้งร้าวลงสะโพกหรือขา
- RFA สามารถลดสัญญาณปวดจากข้อเหล่านี้โดยตรง ช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวกขึ้นและลดความเจ็บเวลายกของหรือก้มตัว
3. ปวดข้อเข่า
- เกิดจาก ข้อเข่าเสื่อม
- อาการมักปวดขณะเดิน ขึ้น-ลงบันได หรือทำกิจกรรมที่ใช้งานข้อหนัก
- RFA สามารถลดสัญญาณปวดจากเส้นประสาทรอบข้อ ทำให้เดินและเคลื่อนไหวสะดวกขึ้น
5. ปวดข้อต่อกระดูกเชิงกราน (SI Joint)
- เกิดจาก ข้อ Sacroiliac Joint ซึ่งเชื่อมระหว่างกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน
- มักปวดตึงหลังส่วนล่างและร้าวไปสะโพกหรือขา
- RFA ช่วยลดอาการปวดตรงจุด ลดอาการตึง และทำให้กลับมาเคลื่อนไหวสะดวก
ผู้ที่ควรพิจารณา RFA
- ผู้ที่รักษาด้วยยาแก้ปวดหรือกายภาพบำบัดแล้วยังไม่ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการลดการพึ่งพายาแก้ปวด
- ผู้ที่มีอาการปวดเฉพาะจุดชัดเจน
RFA เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและตรงจุดสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง ช่วยให้กลับมาเคลื่อนไหวได้สะดวก ลดการพึ่งพายา และปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ผลจากการรักษา RFA
- อาการปวดลดลงอย่างชัดเจน
- ช่วยให้ใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น
- ลดการพึ่งพายาแก้ปวดและลดผลข้างเคียงจากยา
- ผลการรักษาสามารถคงอยู่หลายเดือน และสามารถทำซ้ำได้หากอาการปวดกลับมา
การดูแลตัวเองหลังทำ RFA
- หลีกเลี่ยงการออกแรงหรือยกของหนัก บริเวณที่ทำการจี้เส้นประสาท 1–2 วัน
- ประคบเย็น ตามคำแนะนำแพทย์หากมีอาการเจ็บเล็กน้อย
- รักษาความสะอาดบริเวณเข็มจี้ 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
- ติดต่อแพทย์ทันที หากมีไข้ บวม แดง หรือเจ็บมากผิดปกติ
สรุป
RFA เป็นวิธีลดอาการปวดเรื้อรังตรงจุด ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกและมีคุณภาพมากขึ้น
หากคุณมีอาการปวดเรื้อรังและต้องการลดการพึ่งพายา ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและทำ RFA อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ